วิธีการปัดเศษทศนิยมภาษีมูลค่าเพิ่ม

วิธีการปัดเศษทศนิยมภาษีมูลค่าเพิ่ม

 

    ปัญหาที่พบมากในการคำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้วพบว่ามีเศษทศนิยมที่เกินกว่า 3 ตำแหน่ง เราจะมีวิธีการปัดเศษทศนิยมภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างไรนั้น ก่อนอื่นเราจะต้องแยกมูลค่าของสินค้า/บริการ ออกจากราคารวมของสินค้า/บริการให้ได้อย่างชัดเจนก่อน จากนั้นจึงค่อยพิจารณาเศษทศนิยมที่คำนวนได้จากมูลค่าของสินค้า/บริการ โดยให้ยึดหลักในการปฎิบัติดังนี้

   1.หากเศษทศนิยมของภาษีมูลค่าเพิ่ม หลักที่ 3 มีค่าไม่ถึง 5 ให้ปัดทิ้งไป ไม่ต้องนำมาคำนวน เช่น


   2.หากเศษทศนิยมของภาษีมูลค่าเพิ่ม หลักที่ 3 มีค่าเกินกว่า 5 ขึ้นไป ให้ปัดเศษขึ้น เช่น

     ในกรณีที่ผู้ประกอบการได้รับใบกำกับภาษีซื้อ ที่มีจำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม มากกว่า หรือ น้อยกว่า   จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวนได้ ให้ใช้หลักเกณฑ์ต่อไปนี้ในการใช้เป็นภาษีซื้อ

    1.หากภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีซื้อ มีมากกว่า จำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวนได้จากยอดสินค้า/บริการตามบิล ให้สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มไปใช้เป็นภาษีซื้อได้เท่าที่คำนวนได้จริง


       กรณีนี้ให้ใช้เป็นภาษีซื้อได้เท่ากับ 6.54 บาท

    2.หากภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีซื้อ มีน้อยกว่า จำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวนได้จากยอดสินค้า/บริการตามบิล ให้สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มไปใช้เป็นภาษีซื้อได้ตามใบกำกับภาษีซื้อเท่าที่ผู้ขายคำนวนผิดมา  

       กรณีนี้ให้ใช้เป็นภาษีซื้อได้เท่ากับ 6.50 บาท

 

3.ส่วนในกรณีที่ได้รับใบกำกับภาษีที่มีการคำนวนภาษีผิดพลาดมากเกินกว่าจุดทศนิยม (ไม่ใช่การคำนวนผิดในหลักทศนิยม) ใบกำกับภาษีซื้อดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้เป็นใบกำกับภาษีซื้อ เพื่อเครดิตภาษีซื้อได้ จะต้องแจ้งให้ผู้ออกใบกำกับทำการยกเลิกแล้วออกใหม่ให้ถูกต้อง จึงจะสามารถนำมาเครดิตภาษีได้


       กรณีนี้ไม่สามารถนำใบกำกับภาษีใบนี้มาใช้ได้


บทความโดย : นายชาญชัย ภูรินันท์ศรี

 11018
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
โปรแกรม ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรที่เชื่อมต่อและรวมรวมข้อมูลทั้งหมดขององค์กรในระบบเดียวกัน โดยรวมถึงเรื่องบัญชีทางการเงินด้วย โดยโปรแกรม ERP จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสด รายการเจ้าหนี้ รายการลูกหนี้ รายการค่าใช้จ่าย และรายการบัญชีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โปรแกรมบัญชี เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะงานบัญชีคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมขององค์กรอย่างชัดเจน การมีโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยงานบัญชีทำให้องค์กรมีความราบรื่น ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
"ยื่นภาษี 2566" การจ่ายภาษีเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไทย คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่น "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" นี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว เพราะฉะนั้น ควรวางแผน ลดหย่อนภาษี ไว้แต่เนิ่น ๆ และหากใครกำลังสงสัยว่าสิทธิ "ลดหย่อนภาษี 2565" มีอะไรบ้าง ทีนี่มีคำตอบค่ะ
เจ้าของธุรกิจที่ซื้อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ อาจจะต้องเสียค่าซื้อโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น ก็จะเริ่มหันมาสนใจว่า รายจ่ายเหล่านี้สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายของกิจการได้หรือไม่ หรือภาษีซื้อที่จ่ายไปนำมาใช้ประโยชน์ทางภาษีได้บ้างหรือไม่ ซึ่งสามารถตามไปหาคำตอบพร้อมกันจากบรรทัดต่อจากนี้
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์