การเฉลี่ยภาษีซื้อ

การเฉลี่ยภาษีซื้อ


ผู้ประกอบการจดทะเบียนประกอบกิจการ ทั้ง VAT และ NON VAT นำสินค้าหรือบริการไปใช้ในกิจการใดกิจการหนึ่งหรือกิจการทั้ง 2 ประเภท โดยไม่สามารถแยกได้ชัดเจนว่านำไปใช้ในกิจการประเภทใด ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเฉลี่ยภาษีซื้อที่จะนำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

หากกิจการไม่เฉลี่ยภาษีซื้อถือว่าภาษีซื้อเป็น "ภาษีซื้อต้องห้าม" ทั้งจำนวน

หลักเกณฑ์การเฉลี่ยภาษีซื้อ แบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังนี้

1. การเฉลี่ยภาษีซื้อทั่วไป คือ การเฉลี่ยตามฐานรายได้ของกิจการ VAT และ NON VAT แบ่งออกเป็น 2 วิธีดังนี้

  • การเฉลี่ยภาษีซื้อตามประมาณการรายได้ กรณีผู้ประกอบการเพิ่งเริ่มประกอบการ หรือประกอบกิจการแล้วแต่ยังไม่มีรายได้

  • การเฉลี่ยภาษีซื้อตามรายได้ของปีที่ผ่านมา กรณีผู้ประกอบการประกอบการแล้วมีรายได้ของปีที่ผ่านมา

ข้อผ่อนปรนไม่ต้องเฉลี่ยภาษีซื้อตามรายได้

  • รายได้ปีที่ผ่านของกิจการ VAT ไม่น้อยกว่า 90% ของรายได้ของกิจการทั้งหมด ผู้ประกอบการมีสิทธิเลือกนำภาษีซื้อทั้งจำนวนหักจากภาษีขาย

  • รายได้ปีที่ผ่านของกิจการ NON VAT ไม่น้อยกว่า 90% ของรายได้ของกิจการทั้งหมด ผู้ประกอบการมีสิทธิเลือกไม่นำภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักจากภาษีขาย

2. การเฉลี่ยภาษีซื้อที่เกิดจากการก่อสร้างอาคาร คือ การเฉลี่ยตามประมาณการการใช้พื้นที่อาคาร

  • ประมาณการการใช้พื้นที่อาคาร ที่ใช้ในการประกอบกิจการ VAT และ NON VAT และเฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของประมาณการการใช้พื้นที่ดังกล่าว แล้วนำภาษีซื้อที่เฉลี่ยของกิจการ VAT มาหักออกจากภาษีขาย ทั้งนี้ ให้ผู้ประกอบการเฉลี่ยภาษีซื้อตั้งแต่เดือนภาษีแรกที่มีภาษีซื้อจากการก่อสร้างอาคารเกิดขึ้น

  • เมื่อก่อสร้างอาคารเสร็จ ให้ตรวจสอบดูการใช้พื้นที่ตรงกับที่ประมาณการหรือไม่ เพื่อปรับปรุงภาษีซื้อ

3. การเฉลี่ยภาษีซื้อตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด

 947
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
โปรแกรม ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรที่เชื่อมต่อและรวมรวมข้อมูลทั้งหมดขององค์กรในระบบเดียวกัน โดยรวมถึงเรื่องบัญชีทางการเงินด้วย โดยโปรแกรม ERP จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสด รายการเจ้าหนี้ รายการลูกหนี้ รายการค่าใช้จ่าย และรายการบัญชีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โปรแกรมบัญชี เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะงานบัญชีคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมขององค์กรอย่างชัดเจน การมีโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยงานบัญชีทำให้องค์กรมีความราบรื่น ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
"ยื่นภาษี 2566" การจ่ายภาษีเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไทย คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่น "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" นี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว เพราะฉะนั้น ควรวางแผน ลดหย่อนภาษี ไว้แต่เนิ่น ๆ และหากใครกำลังสงสัยว่าสิทธิ "ลดหย่อนภาษี 2565" มีอะไรบ้าง ทีนี่มีคำตอบค่ะ
เจ้าของธุรกิจที่ซื้อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ อาจจะต้องเสียค่าซื้อโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น ก็จะเริ่มหันมาสนใจว่า รายจ่ายเหล่านี้สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายของกิจการได้หรือไม่ หรือภาษีซื้อที่จ่ายไปนำมาใช้ประโยชน์ทางภาษีได้บ้างหรือไม่ ซึ่งสามารถตามไปหาคำตอบพร้อมกันจากบรรทัดต่อจากนี้
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์