สรรพากรเร่งเยียวยากว่าแสนล้าน คืนเงินภาษีทางตรง-อ้อมช่วงโควิด

สรรพากรเร่งเยียวยากว่าแสนล้าน คืนเงินภาษีทางตรง-อ้อมช่วงโควิด


ดร.เอกนิติ  นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า  กรมฯ ผลักดันมาตรการภาษีและการเร่งคืนภาษีกว่าแสนล้านบาท เยียวยาผลกระทบจากโควิด ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งอยู่บนหลักปฏิบัติ 4 ประการ ได้แก่ เลื่อน เร่ง ลด และแรงจูงใจ

1. “เลื่อน”  โดยกรมฯ ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ การนำส่ง และการชำระภาษีอากร เพื่อให้เงินหรือสภาพคล่องอยู่ในมือประชาชนและผู้ประกอบการให้ยาวนานขึ้น ในระหว่างที่ภาครัฐให้ความช่วยเหลือและเยียวยา เช่น ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90, 91, 93 และ 95) จากวันที่ 31 มี.ค. เป็น 31 ส.ค. 

นอกจากนี้ได้ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด. 50 และ 55) ที่ต้องชำระภายในเดือนเม.ย. - ส.ค. 63 เป็นวันที่ 31 ส.ค. 63 รวมทั้งขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด. 51) ที่ต้องชำระภายในเดือนเม.ย.-ก.ย.  เป็นวันที่ 30 ก.ย. 

ขณะเดียวกันกรมฯ ได้ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการฯ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ต้องชำระภายในวันที่ 15  หรือ 23 ของเดือนพ.ค.-ก.ย. ขยายออกไปเป็นภายในสิ้นเดือนนั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยง และมีความคล่องตัวในการทำงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้ทุกคนอยู่บ้านภายใต้แนวคิด“อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ของรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วย

2.“เร่ง” กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรผลักดันมาตรการเร่งคืนภาษีประชาชนและผู้ประกอบการให้เร็วที่สุด เพื่อเพิ่มเงินหรือสภาพคล่องให้อยู่ในมือประชาชนและผู้ประกอบการอย่างรวดเร็ว 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมสรรพากรได้เร่งคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปแล้วกว่า 95 % จากผู้ขอคืนทั้งหมดประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นภาษีที่คืนประมาณ 28,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วง 7 เดือนแรก ของปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.62-เม.ย. 63) กรมสรรพากรเร่งคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล กว่า 27,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.7% จากปีก่อน

3. “ลด” กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรได้ผลักดันมาตรการคืนสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศ โดยการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่มีอัตรา 3%  ให้เหลือในอัตรา 1.5%  สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.–30 ก.ย. 63 เพื่อให้ผู้ประกอบการทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น 

พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ (e–Payment) โดยเฉพาะระบบ e–Withholding Tax กรมสรรพากรได้ผลักดันนโยบายลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่มีอัตรา 3 % ให้เหลือในอัตรา 2%  สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.–31 ธ.ค. 64 ที่จ่ายผ่านระบบ e–Withholding Tax

นอกจากนี้กรมสรรพากรได้ผลักดันมาตรการภาษีเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยจ่ายของผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีการจ้างแรงงาน    ไม่เกิน 200 คน ตามมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของไวรัสโควิด สามารถหักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า สำหรับรายจ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-31 ธ.ค.ตามมาตรการข้างต้น

4. “แรงจูงใจ” กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรได้ผลักดันมาตรการภาษีเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชน ผู้ประกอบการ และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้แก่  ให้ผู้ประกอบการคงการจ้างงานในช่วงสถานการณ์ที่การแพร่ระบาดโควิด  โดยผู้ประกอบการที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกิน 200 คน สามารถหักรายจ่ายได้ 3 เท่า สำหรับรายจ่ายค่าจ้างในช่วงเดือนเม.ย.–ก.ค.63  พร้อมทั้งให้เจ้าหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้เนื่องจากผลกระทบโควิด... อ่านต่อที่ : 

ที่มา : Link
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์