ขายออนไลน์ต้องเสียภาษีแบบไหน?

ขายออนไลน์ต้องเสียภาษีแบบไหน?


1. ต้องเสียภาษีแบบไหน



ทำความเข้าใจกันก่อนว่าการขายของออนไลน์นั้นหากไม่ได้มีการเปิดหรือจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท จะถือเป็นการเสียภาษี
เงินได้บุคคลธรรมดาซึ่งถูกจัดอยู่ในเงินได้ประเภทที่ 8 คือเงินได้จากการค้าขาย และช่วงเวลาที่พ่อค้าแม่ค้าต้องยื่นภาษีจะมีอยู่ 2 ช่วงดังนี้

1.ยื่นภาษีสิ้นปี (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90) ช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. เป็นการสรุปรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
(ตอนนี้ขยายระยะเวลาถึงสิ้นเดือน ส.ค. เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19)
2.ยืนภาษีกลางปี (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94) ช่วงเดือน ก.ค. - ก.ย. เป็นการสรุปรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีภาษีแรกที่ผ่านมา โดยที่

ค่าลดหย่อน บางรายการจะถูกหักเหลือครึ่งหนึ่งด้วย 
แต่สำหรับร้านค้าออนไลน์ คำนวนภาษีได้ 2 แบบ คือ

1.เสียภาษีแบบอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2.เสียภาษีแบบนิติบุคคล (กรณีนี้สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัท)
แต่ส่วนใหญ่ร้านค้าออนไลน์มักจะไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ เลยขอพูดเฉพาะการคำนวนภาษีแบบบุคคลธรรมดา สูตรคือ
(รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย  จุดสำคัญอยู่ที่ ค่าใช้จ่าย และ ค่าลดหย่อน

2. วิธีคิดค่าใช้จ่ายมีกี่แบบ?



1.หักค่าใช้จ่ายตามอัตรา 60% สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ซื้อมา ขายไป ไม่ได้ผลิตเอง
2.หักค่าใช้จ่ายตามจริง สำหรับร้านค้าที่ผลิตสินค้าเอง
3.หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา คือ คิดภาษี 0.5% หากมีรายได้จากการขายของออนไลน์มากกว่า 1,000,000 บาท
(วิธีนี้คิดเป็นภาษีเลยคือ รายได้ x 0.5% = ภาษีที่ต้องเสีย)

             ส่วนรายการลดหย่อนภาษี สามารถดูได้จากนี่เลย ปล.ตอนนี้รัฐบาลเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนประกันสุขภาพจากเดิมไม่เกิน15,000บาท
เป็นไม่เกิน 25,000 บาท >

3. อัตราภาษี

  -  คิดตามขั้นบันได

4. ตัวอย่างการคำนวนภาษี

ในตัวอย่างจะไม่มีค่าลดหย่อนอะไรเลยนอกจาก ลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท แต่ถ้าใครมีลดหย่อนอะไรก็ใส่ไปให้หมดเลย เพราะภาษี
จะเสียมากหรือน้อย
นั้นขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่าย และ ค่าลดหย่อน

5. ยื่นภาษีที่ไหนได้บ้าง?

สามารถยื่นภาษีได้ที่ 

  • กรมสรรพากร
  • เว็ปไซต์ https://www.rd.go.th/
  • แอปพลิเคชั่น RD Smart Tax

ขยายเวลาให้ยื่นภ.ง.ด.90 ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 – 31 ส.ค. 63 โดยยื่นได้หลายช่องทาง ได้แก่

ยื่นแบบแสดงภาษีด้วยตัวเองที่กรมสรรพากร
ยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
ยื่นผ่านแอปพลิเคชั่น RD Smart Tax แต่ต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรก่อน

6. ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ส่วนเรื่อง ภาษีมูลค่าเพิ่ม นั้นจะดูที่รายได้ของเรา ถ้าเรามีรายได้ (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) เกิน 1.8 ล้านบาท ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ
VAT แล้วนะ โดยเสีย 7% จากยอดรายได้นี่แหละ ซึ่งหลักการสำคัญ ก็คือ ถ้ายอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทเมื่อไรต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภายใน 30 วัน หลังจากนั้นก็ไปศึกษาเพิ่มเติมกันต่อ

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : กรมสรรพากร และ www.page365.net

 11301
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
โปรแกรม ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรที่เชื่อมต่อและรวมรวมข้อมูลทั้งหมดขององค์กรในระบบเดียวกัน โดยรวมถึงเรื่องบัญชีทางการเงินด้วย โดยโปรแกรม ERP จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสด รายการเจ้าหนี้ รายการลูกหนี้ รายการค่าใช้จ่าย และรายการบัญชีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โปรแกรมบัญชี เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะงานบัญชีคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมขององค์กรอย่างชัดเจน การมีโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยงานบัญชีทำให้องค์กรมีความราบรื่น ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
"ยื่นภาษี 2566" การจ่ายภาษีเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไทย คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่น "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" นี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว เพราะฉะนั้น ควรวางแผน ลดหย่อนภาษี ไว้แต่เนิ่น ๆ และหากใครกำลังสงสัยว่าสิทธิ "ลดหย่อนภาษี 2565" มีอะไรบ้าง ทีนี่มีคำตอบค่ะ
เจ้าของธุรกิจที่ซื้อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ อาจจะต้องเสียค่าซื้อโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น ก็จะเริ่มหันมาสนใจว่า รายจ่ายเหล่านี้สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายของกิจการได้หรือไม่ หรือภาษีซื้อที่จ่ายไปนำมาใช้ประโยชน์ทางภาษีได้บ้างหรือไม่ ซึ่งสามารถตามไปหาคำตอบพร้อมกันจากบรรทัดต่อจากนี้
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์